5 เหตุผลที่ทำให้ "เลสเตอร์" และ "เชลซี" กลายมาเป็นคู่แข่งล่าแชมป์เต็มตัว

f:id:Amagadon888:20191118025053j:plain


ภายหลังเกมบิ๊กแมทช์ในวันอาทิตย์ก่อนหน้าที่ผ่านมา ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วงหล่นลงไปอยู่ชั้นที่ 4 แล้วก็เผยอีกสองเค้าหน้าคู่ปรปักษ์รายใหม่ของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้อย่างเต็มกำลัง แน่ๆว่าไม่ใช่คนใดกันแน่ที่แห่งไหนเป็นสองอดีตกาลแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่าง เลสเตอร์ สิตี้ และก็ เชลซี นั่นเอง! 

รีวิวเว็บแทงบอลดีที่สุด

ทั้งคู่กลุ่มขยับขึ้นมาอยู่ชั้น 2 รวมทั้ง 3 โดยมีแต้มห่างจากหัวหน้าฝูง หงส์แดง 8 คะแนนเสมอกัน ระยะห่างขนาดนี้ดูเหมือนไม่มากมายไม่น้อยเกินความจำเป็น ถ้าเทียบกับทางอันยาวไกลที่ยังเหลืออยู่ในฤดูกาลนี้ วันนี้พวกเราจะมาดูกันว่าเพราะเหตุไรทั้งสองถึงทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ถูกจากที่คนไม่ใช่น้อยคาดกันไว้มากมาย จนถึงขยับขึ้นมาเป็นผู้ท้าแข่งแชมป์ลีกในประเทศที่ว่ากันว่าโหดเหี้ยมหินสูงที่สุดอันดับแรกของโลก

 

  1. ผลงานที่ไม่โดดเด่น แต่ว่าสม่ำเสมอบ่อย

 

สิ่งที่แบบเดียวกันของอีกทั้ง เชลซี แล้วก็ เลสเตอร์ เป็น การเริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่สวยหรูเท่าไรนัก 2 เกมแรก เชลซี บุกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปรอะ 0-4 ส่วนเกมถัดมาก็เปิดบ้านเสมอ เลสเตอร์ 1-1 ส่วนด้านกลุ่ม หมาจิ้งจอกไทย เปิดฤดู 2 เกมแรกด้วยผลเสมอทั้งคู่เกม ซึ่งกว่าพวกเขาจะหาชัยพบ จำเป็นต้องรอคอยถึงอาทิตย์ที่ 3 ของพรีเมียร์ลีกอย่างยิ่งจริงๆ

 

ต่อไป ทั้งคู่กลุ่มเสมือนจะเริ่มตั้งตัวได้ แม้ว่าจะมีสะดุดบ้าง แต่ว่าพวกเขาต่างเก็บความมีชัยได้อย่างสม่ำเสมอ กระทั่งชั้นพุ่งทะยานขึ้นมาสู่หัวตารางได้เสร็จ ในช่วงเวลาที่กลุ่มใหญ่อื่นๆกลับชนะบ้าง แพ้บ้าง เสมอบ้าง จนกระทั่งอาทิตย์ที่ 12 ทั้งสองดีดตัวขึ้นมาอยู่ชั้น 2 และก็ 3 ของตารางมี 26 แต้มเสมอกัน ไล่หัวหน้าฝูง หงส์แดง 8 คะแนน หากแม้ดูเหมือนจะยังห่าง แม้กระนั้นก็จัดว่าไม่ห่างจนกระทั่งขนาดหมดลุ้นเลยซะทีเดียว

 

  1. ขุนพลที่ไม่โดดเด่นชั้นไม่หวือหวา แม้กระนั้นจัดว่าพอดี

 

 

ก่อนฤดูกาลนี้จะเริ่ม เชลซีพบกับปัญหาใหญ่ที่ถูกแบนห้ามสมัครสมาชิกนักฟุตบอลใหม่ ซะส่วนมากทำให้พวกเขาจะต้องใช้ทรัพยากรที่เหลืออยู่แบบจำกัด พร้อมทั้งดันดาวรุ่งของกลุ่มขึ้นมาเป็นตัวหลักหลักแทนที่สตาร์เดิมอย่าง เอแด็น อาซาร์ ที่ย้ายออกไป ซึ่งจะต้องบอกเลยว่าชื่อชั้นดาวรุ่งแต่ละคนของสิงห์บลูส์ หากไม่ใช่แฟนตัวยงของกลุ่มแทบจะไม่มีผู้ใดเคยทราบชื่อมาก่อน ทั้งยัง เมสัน เมาท์, ฟิกาโย โทโมริ, รีซ เจมส์ จะมีก็แต่เพียง แทมมี อับราฮัม ที่เคยถูกปลดปล่อยยืมไปค้าหน้าแข้งกับกลุ่มอื่นในพรีเมียร์ลีกมาบ้าง แม้กระนั้นเพียงพอเอาเข้าจริง เล่นไปเล่นมา ดาวรุ่งกลุ่มนี้กลับระเบิดฟอร์มสร้างชื่อขึ้นมาได้แบบไม่มีผู้ใดคาดการณ์ พวกเขาสามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลำแข้งประสบการณ์สูงขาดไปได้อย่างมีมิติและก็พอดี

 

ด้าน เลสเตอร์ สิตี้ พวกเขาได้นักฟุตบอลคนใหม่จริงๆมาเสริมกองทัพ 2 ราย เป็น อโยเซ เปเรซ และก็ เดนนิส ปราทต์ แต่จำต้องเสียเสาหลักอย่าง แฮร์รี แม็คไกวร์ ออกไป ทั้ง เจมี วาร์ดี ก็อายุอานามมากยิ่งขึ้น ผู้คนจำนวนมากก็เลยรู้สึกว่าพวกเขาคงจะไม่มีความสำเร็จมากนักในปีนี้ แม้กระนั้นก็อย่างที่รู้กัน มันไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวมา พวกเขาระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ชากลาร์ โซยุนซู สามารถตอบแทนการขาดหายไปของแม็คแกว่งไกวร์ได้อย่างไร้ที่ตำหนิ เจมส์ แมดดิสัน, ยูริ ตีเลอมองส์ ช่วยเหลือกันประดิษฐ์เกมได้อย่างพอดี ที่สำคัญ วาร์ดี้กลับมาคืนฟอร์มเก่งยืนหนึ่งเป็นดาวซัลโวสูงสุดได้ ณ เวลานี้

 

  1. กึ๋นรวมทั้งมันสมองของ 2 ผู้จัดการทีม

 

แบรนแดน ร็อดเจอร์ส ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้จัดการทีมจอมแท็คติกอยู่แล้ว ซึ่งภายหลังจากรับเผือกร้อนต่อจาก โคลด ปูเอล ปลายฤดูกาลก่อน ก็จัดว่าทำผลงานได้อย่างดียิ่ง คุมกลุ่มหมาจิ้งจอก 25 นัดหมาย ชนะ 15 เสมอ 5 แพ้ 5 โดยลักษณะเด่นของอดีตกาลนายใหญ่ลิเวอร์พูลนั้น อยู่ที่การมองมองเห็นถึงสมรรถนะของนักฟุตบอล แล้วก็นำสิ่งพวกนั้นออกมาใช้ได้อย่างเหมาะควรและก็พอดี ทั้งยังกลยุทธ์เล่นยังมีความยืดหยุ่นมากมาย พร้อมเปลี่ยนแปลงได้ตามเหตุการณ์ ก็เลยยากที่คู่แข่งขันจะทายใจทางได้ว่าเกมนี้จำเป็นจะต้องพบกับอะไร

 

ทางด้านเชลซี ได้ผู้จัดการทีมใหม่ที่พึ่งพิงจะมีประสบการณ์คุมกลุ่มเพียงแค่ปีเดียว แถมเป็นการคุมกลุ่มระดับ เดอะ แชมเปียนชิพ เพียงแค่นั้น ก็เลยเป็นเครื่องหมายคำถามให้กับคนอีกจำนวนไม่น้อย ไม่ใช่แค่กับแฟนสิงห์บลูส์ว่า แลมพาร์ดจะพาทีมก้าวถัดไปได้ภายใต้ปัญหารวมทั้งข้อกำหนดที่ถั่งโถมเข้ามาพร้อมเพียงกันเวลานี้ อย่างเช่น การเช็ดกแบนห้ามสมัครสมาชิกนักฟุตบอลใหม่ หรือแม้กระทั้งการจากไปของสตาร์อันดับที่หนึ่งอย่าง เอแด็น อาซาร์ ได้หรือเปล่า ซึ่งในขณะนี้พวกเราคงจะได้คำตอบแล้วว่า ส่วนประกอบระหว่างดาวรุ่งรวมทั้งลำแข้งมากมายประสบการณ์สไตล์ซูเปอร์แฟรงค์ ก็สามารถพาทีมไปอยู่ในจุดที่จะต้องเป็นได้ ซึ่งสไตล์ของแลมพาร์ดค่อนข้างจะแน่ชัดว่าย้ำเกมรุก แม้กระนั้นมิติแล้วก็ต้นแบบการเข้าทำค่อนข้างจะนานัปการ โน่นทำให้รูปเกมมองสวยสดงดงาม สามารถสร้างสีสันในสนามให้น่าติดตามดูตลอด 90 นาที ถึงแม้สกอร์จะตามหลังหรือนำขาดไปและตาม

 

  1. ความยุติธรรมชาติที่ไม่มีแรงกดดัน

 

อีกสิ่งหนึ่งที่มีเช่นกันของทั้งคู่กลุ่มในตอนก่อนหน้านี้เป็น การลงไปในสนามโดยไม่ต้องมุ่งหวังสิ่งอื่นใดเว้นแต่เอาชนะคู่ต่อสู้เบื้องหน้าให้ได้เพียงแค่นั้น ไม่ต้องมาลุ้นผลคู่อื่น ไม่ต้องห่วงใยว่าผู้ใดจะตามทัน ไม่ต้องสนใจว่ากลุ่มอยู่ส่วนไหนของตาราง โน่นก็เลยทำให้ทุกเกมที่ลงในสนาม พวกเขาจะเล่นแบบไม่มีแรงกดดัน ทำให้นักฟุตบอลรวมทั้งผู้ฝึกสอนปฏิบัติงานได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถจุดโฟกัสอยู่ที่กลุ่มตนเอง รวมทั้งทำให้เกมนั้นออกมาดีเยี่ยมที่สุดโดยไม่ต้องพิจารณาถึงผลที่จะตามมาใดๆก็ตามทั้งปวง

 

  1. ถึงเวลาที่ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องแข่งขันกับตนเองอีกที

 

ขณะนี้ หงส์แดงนำห่างกลุ่มชั้นสองแล้วก็สามถึง 8 คะแนน ระยะห่างกลุ่มนี้ดูเหมือนจะมากมาย แม้กระนั้นในทางตรงกันข้ามแม้พวกเข้าสะดุดสัก 2-3 เกม ก็มีสิทธิ์โดนแซงได้เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ เมื่อพวกเขาจับการได้เปรียบเอาไว้อยู่ในมือแล้วนั้น ก็ขึ้นกับตนเองแล้วว่าจะรักษามันเอาไว้ได้นานเพียงใด นี่ยังไม่นับถึงแรงกดดันอย่างมากมายในแต่ละเกมที่จะบีบให้ พวกพ้องเรด แมชชีน จำเป็นต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้ในทุกนัดหมายที่ลงเล่น ไหนจะรายการฯลฯที่พวกเขาจำเป็นต้องจุดโฟกัส และก็มันอาจจะส่งผลให้พวกเขาเสียสมาธิในช่วงท้ายอย่างกับปีกลายๆซึ่งโน่นเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลจะต้องก้าวผ่านความจำกัดนั้นของตนไปให้ได้ เพราะเหตุว่าในเวลานี้ถ้วยแชมป์อยู่ในกำมือพวกเขาแล้ว อยู่ที่ว่าเขาจะเลือกชูมันขึ้นสูงหรือเลือกจะปลดปล่อยมันไปเพียงแค่นั้น